- ใช้ยาตามที่แพทย์สั่งให้ครบและไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง
-
รักษาความสะอาดบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกให้แห้งสะอาดอยู่เสมอ โดยเฉพาะในเรื่องของความอับชื้น
- งดการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าจะรักษาหาย ถ้าจำเป็นควรให้ฝ่ายชายสวมถุงยางอนามัยด้วยทุกครั้ง
- ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ในขณะรับการรักษา เพราะอาจมีผลกับยาที่รักษาทำให้ไม่สบาย ปวดเมื่อยตัว หน้าแดง หรือใจสั่นได้
-
ไม่ควรรักษาด้วยตนเอง เพราะสาเหตุที่ทำให้ตกขาวผิดปกตินั้นมีได้หลากหลาย ซึ่งการซื้อยามารับประทานเองอาจทำให้ไม่หายเพราะใช้ยาไม่ตรงกับโรค อาจทำให้มีโรคอื่นแทรกซ้อนตามมา และอาจเป็นสาเหตุให้กลายเป็นการติดเชื้อเรื้อรังจากเชื้อดื้อยาได้ (การใช้ยาทุกชนิดควรอยู่ภายใต้คำแนะของแพทย์หรือเภสัชกร)
-
อาการตกขาวผิดปกติมักเกิดจากการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องรักษาทั้งผู้ป่วยและคู่นอนไปด้วยพร้อม ๆ กัน
นอกจากนั้นอาการตกขาวผิดปกติยังอาจเกิดได้จากโรคมะเร็งปากมดลูก ซึ่งการไปพบแพทย์ตั้งแต่แรกจะช่วยในการวินิจฉัยโรคได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ และให้ผลในการรักษาที่ดีกว่าการพบโรคในระยะรุนแรงที่มีอาการมากแล้ว
- ตกขาวผิดปกติที่เกิดจากการติดเชื้อ ถึงแม้จะได้รับการรักษาจนหายดีแล้ว แต่ถ้ากลับไปติดเชื้ออีกก็จะมีโอกาสเป็นซ้ำได้อีก ส่วนในรายที่เป็นโรคมะเร็งปากมดลูกนั้น ผลการรักษามักจะขึ้นอยู่กับระยะของโรคมะเร็ง
-
ในรายที่เป็นโรคประจำตัวที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อก็ต้องรักษาหรือควบคุมโรคให้ดี เช่น โรคเบาหวาน
ตกขาว ระดูขาว หรือ มุตกิด (Leukorrhea, Leucorrhea หรือ Vaginal discharge) คือ สิ่งคัดหลั่งจากอวัยวะในอุ้งเชิงกรานของสตรีไม่ว่าจะเป็นจากช่องคลอด ปากมดลูก หรือแม้กระทั่งจากตัวมดลูกเองก็ตาม โดยถือเป็นภาวะปกติของผู้หญิงทุกคน ซึ่งในช่วงเด็กอาจมีเพียงเล็กน้อย แต่เมื่อถึงวัยเจริญพันธุ์ซึ่งเป็นช่วงที่เริ่มมีประจำเดือน ตกขาวจะมีมากขึ้นและมีปริมาณที่พอเหมาะไปจนถึงวัยสูงอายุ ซึ่งจะเป็นช่วงที่ตกขาวมีปริมาณลดลงจนแทบไม่มีอีกครั้ง
ตกขาวปกติ หรือ ตกขาวธรรมดา (Physiologic vaginal discharge) จะมีลักษณะเปลี่ยนแปลงไปตามรอบประจำเดือน โดยขึ้นอยู่กับปริมาณของฮอร์โมนเพศหญิงเอสโตรเจน (Estrogen) และโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ถ้าเป็นในช่วงกึ่งกลางรอบเดือน ตกขาวจะมีลักษณะเป็นมูกเหลวใส ไม่มีสี แต่ถ้าเป็นในช่วงก่อนหรือหลังมีประจำเดือนตกขาวจะมีลักษณะข้นเป็นสีออกขาว (คล้ายแป้งเปียก) โดยตกขาวที่เป็นปกตินั้นจะมีลักษณะเป็นมูกเหลวใส ไม่มีสี หรือเป็นสีขาวข้นคล้ายแป้งเปียก มีปริมาณเล็กน้อยพอชุ่มชื้นในช่องคลอด อาจมีกลิ่นจำเพาะได้บ้างเล็กน้อยตามลักษณะของกลิ่นตัวเฉพาะบุคคล มีภาวะเป็นกรดอ่อน ๆ และจะไม่เหม็น ไม่คัน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย (เช่น ปวดท้อง มีไข้ ขัดเบา) ส่วนปริมาณของตกขาวนั้นจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคน แต่โดยทั่วไปแล้วปริมาณของตกขาวจะมากขึ้นได้เป็นปกติในภาวะต่อไปนี้
ตกขาวผิดปกติ (Pathologic vaginal discharge) มีอาการได้หลายแบบโดยเฉพาะสีและกลิ่นที่เปลี่ยนไป ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นภายใน
ตกขาวที่ผิดปกติ อาจทำให้มีอาการอื่น ๆ ที่แสดงออกมาเนื่องจากการติดเชื้อและการเจ็บป่วยของโรคได้ เช่น
ตกขาวปกติ เป็นสิ่งคัดหลั่งที่สร้างมาจากอวัยวะในอุ้งเชิงกรานของสตรีไม่ว่าจะเป็นจากช่องคลอด ผนังช่องคลอด ปากมดลูก หรือแม้กระทั่งจากตัวมดลูกเองก็ตาม โดยตกขาวจากแหล่งต่าง ๆ นี้จะมารวมกันในช่องคลอดเพื่อทำหน้าที่หลายอย่าง เช่น ช่วยคงความอ่อนนุ่มชุ่มชื้นให้กับช่องคลอด ช่วยหล่อลื่นช่องคลอด ช่วยปรับสภาพความเป็นกรดด่างในช่องคลอดให้สมดุล ช่วยขับสิ่งแปลกปลอม และฆ่าเชื้อโรคที่เข้าไปในช่องคลอด
ตกขาวผิดปกติ ส่วนใหญ่มักมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อของอวัยวะในระบบสืบพันธุ์เพศหญิง (ทั้งการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์และการติดเชื้อที่ไม่เกี่ยวข้องกับเพศสัมพันธ์) และมีส่วนน้อยที่ตกขาวผิดปกติไม่ได้มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อ ดังนี้
การสังเกตลักษณะตกขาวและอาการอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นร่วมกับการมีตกขาวที่ผิดปกติ อาจช่วยให้เราทราบถึงสาเหตุของการป่วยในเบื้องต้นได้ ดังนี้
หากพบว่ามีตกขาวที่ผิดปกติ คุณควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจสาเหตุและรับการรักษา โดยเบื้องต้นแพทย์จะทำการซักประวัติสุขภาพ การเจ็บป่วยที่ผ่านมาหรือที่เป็นอยู่ การรักษา การใช้ยา ประวัติการมีเพศสัมพันธ์ และอาการของตกขาวที่พบ เช่น สีและกลิ่นของตกขาว อาการที่เกิดขึ้นร่วมด้วย และช่วงเวลาที่เริ่มมีตกขาวที่ผิดปกติ (ไม่ควรไปตรวจในช่วงที่มีประจำเดือน และผู้ป่วยห้ามทำความสะอาดหรือใช้สเปรย์พ่นช่องคลอดก่อนเข้ารับการตรวจ เพราะอาจไปดับกลิ่นที่ช่วยในการวินิจฉัยและอาจเกิดการระคายเคืองตามมาได้)
หากพบสัญญาณความผิดปกติ แพทย์จะทำการตรวจภายในเพื่อตรวจสอบอวัยวะบริเวณอุ้งเชิงกรานและหาสัญญาณของการติดเชื้อภายใน, ตรวจตกขาว โดยนำตัวอย่างของตกขาวที่เก็บได้ภายในช่องคลอดออกมาตรวจโดยใช้กล้องจุลทรรศน์ และตรวจวัดค่า pH เพื่อตรวจสอบความเป็นกรดภายในช่องคลอด (ค่า pH 4.5 หรือมากกว่า) เป็นต้น
สำหรับตกขาวปกติ (ตกขาวธรรมดา) ไม่จำเป็นต้องทำการรักษาแต่อย่างใด เพียงแต่ปฏิบัติตนให้ถูกต้องตามสุขอนามัยก็เพียงพอแล้ว แต่หากเป็นตกขาวที่ผิดปกติ หรือตกขาวที่มีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย หรือสงสัยว่าอาจมีสาเหตุที่ผิดปกติเกิดขึ้น ควรปรึกษาแพทย์หรือสูตินรีแพทย์เพื่อทำการตรวจภายในช่องคลอดและให้การรักษาไปตามสาเหตุที่ตรวจพบ
ซึ่งการรักษาตกขาวผิดปกตินั้นจะต้องรักษาที่สาเหตุและโรคที่ป่วยร่วมด้วย (ถ้ามี) ทั้งการรักษาด้วยยาเฉพาะทางหรือการผ่าตัด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอาการป่วยและความรุนแรงของโรค แต่โดยทั่วไปตกขาวผิดปกติมักจะเกิดจากการติดเชื้อประเภทแบคทีเรียหรือเชื้อราในช่องคลอด ซึ่งสามารถรักษาให้หายได้ด้วยการรับประทานยา ใช้ครีม/เจลทาในช่องคลอด หรือใช้ยาเหน็บช่องคลอด ดังนี้
คำเตือน : การใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อรักษาการติดเชื้อแบคทีเรียและเชื้อทริโคโมแนสควรอยู่ภายใต้การดูแลและคำแนะนำจากแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ ผู้ป่วยไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง เพราะอาจมีผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายได้ โดยเฉพาะเมื่อคุณกำลังตั้งครรภ์หรือใช้ต้องใช้ยาติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน และขนาดยาที่แนะนำให้ใช้ตามวิธีการรักษาด้านบนเป็นเพียงขนาดยาที่ใช้โดยทั่วไปสำหรับผู้ใหญ่เท่านั้น*