จากการจัดลำดับของเว็บ Forbes เว็บเกี่ยวกับการเงิน นักเขียนที่ได้รับเงินสูงสุดนี้ จะคำนวณจากรายได้รวมค่าลิขสิทธิ์หนังสือ ลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ ละครทีวี เกม และรายได้อื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องจากผลงานของนักเขียน ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2009 ถึง มิถุนายน 2010
มาดูกันดีกว่าว่า นักเขียนในดวงใจของน้องๆ ติดอันดับไหม
อันดับ 10 J.K. Rowling กวาดรายได้ไป 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราวๆ 300 ล้านบาท )
คงจะเป็นเพราะเวทมนตร์เช่นกัน ที่เสกให้ เจ.เค. กลายร่างจากแม่บ้านซิงเกิ้ลมัมเป็นเศรษฐินีในพริบตา ส่วนรายได้จากหนังสือเล่มไหนนั้น คงไม่ต้องเดากันให้ยาก … .พ่อมดน้อยแฮรี่ พอตเตอร์ที่เด็กทั้งโลกรู้จักนั่นเอง จากแฮรี่ภาคที่ 1 จนถึงภาคสุดท้าย ทั้งหมด 7 เล่ม ประมาณคร่าวๆ ได้ว่า ขายไปแล้วทั้งหมด 375 ล้านเล่มทั่วโลก ! ! ! ส่วนเฉพาะเล่มสุดท้ายภาค 7 นั้น แค่เปิดตัว 24 ชั่วโมงแรก ก็ขายไปแล้วกว่า 15 ล้านเล่ม เอ่อ … สำหรับพี่อิง ทั้งชาตินี้ ขอให้ขายได้แค่ 24 ชั่วโมงแรกของเล่มนี้ก็พอ T-T
สำหรับแฟนๆ เจเค ไม่ต้องตกใจกันไปว่าทำไมเจเคได้แค่อันดับ 10 คือมันของปีล่าสุดอะจ้ะ ที่เจเคไม่ได้ออกหนังสือเพิ่มแล้ว

อันดับ 9 Nicholas Sparks กวาดรายได้ไป 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราวๆ 300 ล้านบาท )
ไม่มีใครในโลก ที่จะไม่หลงใหลไปกับเรื่องราวรักแสนเศร้าของนิโคลัส สปาร์กส นิยายรักเล่มแรกที่โด่งดังที่สุดของเขาคือเรื่อง “The Notebook” เขาใช้เวลาเขียนแค่ 6 เดือนเท่านั้น (และเขียนตอนอายุแค่ 28 เองด้วย)
ส่วนหนังสือเล่มล่าสุดของเขาคือเรื่อง “The Choice” ขายไปแล้ว 1 ล้าน 2 แสนเล่มเฉพาะในสหรัฐอเมริกา และล่าสุดนิยายเรื่อง “Nitghts in Rodanthe” ก็ได้กลายเป็นภาพยนตร์ ซึ่งเปิดตัวรายได้บนบ็อก ออฟฟิศถึง 13 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
พี่อิงอ่านนิยายของนิโคลัสไปสองเรื่อง คือ เดอะ โน้ต บุค กับอีกเรื่องที่เกี่ยวกับอัลไซเมอร์ (จำชื่อไม่ได้แล้ว) ประทับใจทั้งสองเรื่องเลย น้องๆ ลองไปหามาอ่านกันดูนะ มีแปลเป็นภาษาไทยแล้ว ซาบซึ้งประทับใจมาก
อันดับ 8 John Grisham กวาดรายได้ไป 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราวๆ 450 ล้านบาท )
A Time to Kill หนังสือเล่มแรกที่ได้ทำเป็นภาพยนตร์ของ จอห์น กริสแฮม ได้รับแรงบันดาลใจจากคดีความในเมืองมิสซิสซิปปี หลังจากนั้นเขาก็มีผลงานเรื่อยมา จนกระทั่งเรื่องล่าสุด “The Appeal” ที่ได้รับการยอมรับอย่างมากมาย
รู้สึกว่าส่วนใหญ่หนังสือของนักเขียนท่านนี้จะเกี่ยวกับคดีความ ทนายความนะ
อันดับ 7 Janet Evanovich กวาดรายได้ 16 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราวๆ 480 ล้านบาท )
นิยายรักผจญภัยของอีวาโนวิชหลายต่อหลายเรื่องได้ติดอยู่ในลิสหนังสือขายดีของหนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทมส์ จึงไม่น่าแปลกใจที่เธอได้อันดับ 7 มาครอง
นิยายที่โด่งดังที่สุดของอีวาโนวิชคือนิยายซีรีส์ชุด “Stephanie Plum” (เป็นชื่อตัวละครหลัก) เกี่ยวกับคนขายเสื้อในที่กลายมาเป็นนักล่า (พี่อิงก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่านักล่าอะไรยังไง ใครรู้มาบอกต่อหน่อยนะจ๊ะ)
อันดับ 6 Dean Koont กวาดรายได้ 18 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราวๆ 540 ล้านบาท )
Dean Koont ( ไม่กล้าพิมพ์ชื่อไทย กลัวอ่านผิด T-T ) เป็นนักเขียนแนวลึกลับ สอบสวน วิทยาศาสตร์ไซ-ไฟ มีผลงานมาแล้วถึง 95 เรื่อง และยังเปิดเว็บหนังสือออนไลน์ ให้บริการผ่านมือถืออีกด้วย
อันดับ 5 Ken Follet กวาดรายได้ 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราวๆ 600 ล้านบาท )
นิยายแนวสั่นประสาทได้พาชื่อของ Ken Follett ขึ้นมาถึงอันดับ 5 ในชาร์ต กับรายได้สวยงามถึง 600 ล้านบาท!! เมื่อหนังสือพิมพ์ The Times ของลอนดอนได้ให้คนอ่านโหวตนักเขียนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบ 60 ปี Follet กับนิยายเรื่อง The Pillars of the Earth ได้ถูกโหวตเป็นอันดับ 2 นอกจากนี้นิยายของเขายังถูกนำไปทำเป็นซีรีส์ยาว ฉายในสหรัฐอเมริกาอีกด้วย
อันดับ 4 Danielle Steel กวาดรายได้ 32 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราวๆ 960 ล้านบาท )
อันดับ 4 ของเราคือนักเขียนแนวโรแมนซ์ แดเนียล สตีล (ฮ่าๆๆ อันนี้พี่อิงมั่นใจว่าอ่านถูก) รายได้จำนวน 32 ล้านเหรียญนี้นับรวมเงิน 1 ล้านเหรียญที่ได้จากการฟ้องร้องข้อหาฉ้อฉลจากอดีตผู้ช่วยของสตีล (คดีเกี่ยวกับหนังสือ) สตีลยังเป็นผู้นำด้านหนังสือ e-book และได้ประกาศว่า อีกไม่นาน หนังสือ 71 เรื่องของเธอจะกลายเป็นดิจิตัลบุ้ควางขายในอะเมซอนเป็นแห่งแรก
อันดับ 3 Stephen King กวาดรายได้ 34 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราวๆ 1,020 ล้านบาท )
นักเขียนทุกคนต้องรู้จักชื่อนี้แน่นอน สตีเฟน คิง จึงไม่แปลกอีกเช่นกันที่เขาจะคว้าอันดับที่ 3 ไปครอง
นิยายลำดับที่ 51 ของสตีเฟน คิง เพิ่งวางแผงไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน และขายได้แล้วทั้งหมด 6 แสนเล่ม
เขาขึ้นชื่อเรื่องการเป็นนักเขียนที่มีผลงานออกมาเยอะและบ่อยที่สุด แค่ในช่วง 2-3 สัปดาห์ เขามีผลงานออกมาถึง 3 ชิ้น ส่วนใหญ่ไม่ใช่นิยาย แต่จะเป็นเรื่องสั้น บทความ บทวิจารณ์ต่างๆ ที่ลงตีพิมพ์กับหนังสือพิมพ์และนิตยสารชื่อดัง ทำรายได้ให้เขาอีกจำนวนมาก
อันดับ 2 Stephenie Meyer กวาดรายได้ 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราวๆ 1,200 ล้านบาท )
ในประเทศไทย ถ้าพูดถึงชื่อ สเตฟานี เมเยอร์ อาจจะไม่ค่อยคุ้นหู แต่ถ้าบอกว่า “ทไวไลท์” รับรองว่ารู้จักกันทุกคน
ใช่แล้ว เมเยอร์คือผู้แต่งทไวไลท์ นิยายในดวงใจของสาวๆ ทั่วโลก ในปีที่ผ่านมา จำนวนเงิน 40 ล้านดอนลาร์นั้น ส่วนหนึ่งประมาณ 7 ล้านดอลลาร์ได้มาจากค่าลิขสิทธ์ภาพยนตร์ ซึ่งต่อมา ภาพยนตร์ทไวไลท์ได้กลายเป็นตำนาน ทำรายได้สูงสุดในรอบปีตั้งแต่อาทิตย์แรกที่เปิดตัว
อันดับ 1 James Patterson กวาดรายได้ 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราวๆ 2,100 ล้านบาท )
นักเขียนนิยายเขย่าขวัญที่ออกผลงานมามากมาย คว้าอันดับที่ 1 ไปในปีนี้ นิยายดังๆ ของเขามีหลายเรื่องมาก เช่น Alex Cross, Maximum Ride, Women ‘s Murder Club และอื่นๆ อีกมากมาย ส่วนใหญ่นิยายแต่ละเรื่องจะออกเป็นซีรีส์หลายๆ เล่ม รายได้ของเขายังมาจากอีกหลายทางมาก แต่ที่ฮือฮามากที่สุดคือรายได้จากการเซ็นสัญญาร่วมเขียนนิยาย 11 เรื่อง สำหรับผู้ใหญ่ และ 6 เรื่องสำหรับเด็ก และต้องเขียนให้เสร็จภายในปี 2012 ตามที่ระบุในสัญญา – สัญญานี้มูลค่าสูงกว่า 150 ล้านเหรียญ !
( เอ่อ 3 ปี 17 เล่ม ! ! ! มีใครในโลกทำได้เนี่ยยยย ต่อให้มีคนช่วยเขียนก็เหอะ )
นอกจากนี้รายได้ของแพตเตอร์สันยังมาจากซีรีส์ทีวี หนังสือการ์ตูน เกม เฉพาะแค่ขายนอกประเทศก็กวาดเงินไปแล้วกว่า 10 ล้านดอลลาร์ต่อปี แถมยังมีรายได้จาก e-books อีกด้วย ซึ่งได้แก่นิยายเรื่อง I,Alex Croos ที่ขายได้มากกว่า 160,000 ดิจิตัลก็อปปี้
แล้วรู้ไหมว่า แพตเตอร์สันไม่มีคอมพิวเตอร์ในบ้าน ! เขาเขียนนิยายทั้งหมดด้วยมือนี่แหละ จนกระทั่งปัจจุบัน เขามีนิยายติดอันดับขายดีของ New York Times ถึง 51 เล่มด้วยกัน
โหว … รู้เลยว่าห่างไกลมากๆ ( ระหว่างตัวเองกับนักเขียนเหล่านี้ ) เอาแค่ความขยันยังเทียบไม่ติดเลย พี่แกเล่น 3 ปี 17 เล่ม เราสามเดือนยังไม่ได้ 17 บรรทัดเลย T-T
หวังว่าบทความนี้ที่พี่อิงแปล จะทำให้น้องๆ มีแรงฮึด ผลิตหนังสือดีๆ ออกมานะจ๊ะ เผื่อจะติดท็อป 10 กับเขาบ้าง จะได้รู้ว่าเด็กไทยไม่แพ้ชาติใดในโลกกกกกก ! ! !
สำหรับตอนนี้ พี่อิงขอฮึดไปปั่นนิยายตัวเองมั่งดีกว่า ขอรายได้แค่ 1 ในพัน ของนักเขียนคนเดียวในลิสก็พอ
ข้อมูลและภาพประกอบ : forbes.com, bookfinds.com
2leep.com, taintedcanvas.com